
The Exporing of Viola
How to play in Baroque and Classic style

Performance Practice
การศึกษา Performance Practice เป็นการศึกษาวิธีการเล่นโน้ตประดับ (Orcnament) เพื่อต้องการทราบว่า วิธีการเล่นโน้ตประดับ (Ornament) ในสมัยก่อน เล่นอย่างไร โดยผู้ศึกษา ศึกษาจากหนังสือ A Treatise on the Fundamental Principles of Violin Playing โดย Leopold Mozart เพราะ เล่มนี้ได้สอนการเล่นเครื่องสายโดยตรง จากการที่ได้ analysis บทเพลงที่จะเล่น พบว่า เจอโน้ตประดับในบทเพลง ดังต่อไปนี้

(คลิ๊กรูปภาพเพื่อเข้าชมหนังสือ)
(ซ้าย) Leopold Mozart (ขวา) หนังสือ A Treatise on the Fundamental Principles of Violin Playing โดย Leopold Mozart
1. Appoggiature (โน้ตพิง)
The Appoggiature เป็นโน้ตเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างโน้ตจริง ซึ่งเป็นโน้ตนอกคอร์ด (non-Chord) และตามด้วยโน้ตจริง ใส่เพื่อต้องการให้เพลงไพเราะยิ่งขึ้น ซึ่งบางครั้งบทบาทของ Appoggiature เป็นโน้ต Dissonances หรือ เป็นการเพิ่มโน้ตซ้ำกับตัวโน้ตจริง หรือ เป็นโน้นเพื่อมาตกแต่งเพื่อให้ประโยคเพลงนั้นมีสีสัน ไม่น่าเบื่อ
การเน้นตัว Appoggiature มีสองแบบ คือ การเน้นตัวโน้ตประดับและโน้ตจริงจะเบาลง (Desending Apoggiature) และ เน้นโน้ตจริงส่วนโน้ตประดับเป็นแค่โน้ตผ่าน (Ascending Appoggiature) ซึ่ง การเน้นตัวโน้ตประดับและโน้ตจริงจะเบาลง (Desending Appoggiature) จะเป็นธรรมชาติที่สุด ตามลักษณะที่แท้จริงของ Appoggiature ซึ่งในบทเพลงที่จะเล่นใน Recital ในครั้งนี้ มักจะเป็น Desending Appoggiature เป็นส่วนใหญ่
Desending Appoggiature จะมี 2 แบบ คือแบบยาวและแบบสั้น
-
แบบยาวที่ 1 ถ้าโน้ต Appoggiature อยู่หน้า โน้ตตัวดำ(Crotchet) เขบ็ต 1 ชั้น(Quaver) 2 ชั้น(Semi - Quavers) โน้ต Appoggiature จะกินค่าโน้ต ครึ่งหนึ่ง ของโน้ตจริง
-
แบบยาวที่ 2 การบันทึกโน้ต Appoggiature ใน 1 จังหวะค่าโน้ต App จะยาวตามตัวโน้ต และโน้ตจริงจะถูกลดค่าไปครึ่งหนึ่งตามลำดับ


แบบยาวที่ 1 ถ้าโน้ต Appoggiature อยู่หน้า โน้ตตัวดำ(Crotchet) เขบ็ต 1 ชั้น(Quaver) 2 ชั้น(Semi - Quavers) โน้ต Appoggiature จะกินค่าโน้ต ครึ่งหนึ่ง ของโน้ตจริง
กรอบที่ 1 โน้ตตัวดำเป็นโน้ต Appoggiature กับโน้ตตัวขาวเป็นโน้ตจริง เพราะฉะนั้น โน้ต Appoggiature จะกินค่าโน้ตจริงไป ครึ่งหนึ่ง แสดงว่าโน้ตตัวขาวจะลดค่าไป เหลือ 1 จังหวะ เพราะโดนโน้ตตัวดำที่เป็นโน้ต Appoggiature กินค่าไปตามค่าของโน้ต กรอบที่ 2 และ 3 เช่นกัน

แบบยาวที่ 2 การบันทึกโน้ต Appoggiature ใน 1 จังหวะค่าโน้ต App จะยาวตามตัวโน้ต และโน้ตจริงจะถูกลดค่าไปครึ่งหนึ่งตามลำดับ
กรอบที่ 1 โน้ตเขบ็ต 1 ชั้น เป็นโน้ต Appoggiature กับโน้ตตัวขาวเป็นโน้ตจริง เพราะฉะนั้น โน้ต Appoggiature จะกินค่าโน้ตจริงไป ตามจำนวนค่าของโน้ต Appoggiature แสดงว่าโน้ตตัวขาวจะลดค่าไป เหลือ 1.5 จังหวะ เพราะโดนโน้ตเขบ็ต 1 ชั้น ที่เป็นโน้ต Appoggiature กินค่าไปตามค่าของโน้ต กรอบที่ 2 ก็เช่นกัน
Hoffmeister Viola Concerto

ตัวอย่างในบทเพลง Hoffmeister Viola Concerto ท่อนที่ 1 ห้องที่ 65 มีโน้ต Appoggiature กับโน้ตจริงที่เป็นตัวดำ เวลาเล่นจริงโน้ต Appoggiature จะกินค่า โน้ตจริงไปครึ่งหนึ่ง อย่างโน้ตข้างล่าง และโน้ต Appoggiature จะต้องเน้นออกมาแล้วโน้ตจริงจะเบาลง

ตัวอย่างในบทเพลง Hoffmeister Viola Concerto ท่อนที่ 1 ห้องที่ 117 มีโน้ต Appoggiature กับโน้ตจริงที่เป็นตัวดำ เวลาเล่นจริงโน้ต Appoggiature จะกินค่า โน้ตจริงไปตามค่าของโน้ต Appoggiature อย่างโน้ตข้างล่าง และโน้ต Appoggiature จะต้องเน้นออกมาแล้วโน้ตจริงจะเบาลง
2. Trill
Trill คือการเล่นโน้ตจริงกับโน้ตตัวที่อยู่สูงกว่าไม่ว่าจะห่างเป็น หนึ่งเสียง หรือ ครึ่งเสียง สลับไปมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งกำหนดสัญลักษณ์ (tr..) สำหรับความยาวในการ trill ขึ้นอยู่กับค่าโน้ตหลักการ Trill ในศตวรรษที่ 18 นั้น จะ Trill โน้ตตัวบน สังเกตได้จากหนังสือของ Leopald Mozart ที่พูดถึงการ Trill ยกตัวอย่างให้โน้ตตัว B มา โดยให้วางนิ้วที่ 1 และวางนิ้ว 2 ในโน้ตตัว C แล้วค่อยปล่อยนิ้ว 2 และวางใหม่ โดยอาศัยการฝึกช้าๆก่อน
การ Trill แบ่งออก ได้ 4 แบบ คือ ช้า(Soft) ปานกลาง(Increasing in Strength) เร็ว (Medium Strength :Rapid)และ เร่งความเร็ว(The Maximum Strrength :Accelerating)
การใช้ Trill แบบที่1 ช้า ใช้สำหรับบทเพลงที่ช้า เศร้า แบบที่ 2 ปานกลาง ใช้กับบทเพลงที่ มีชีวิตชีวา และอ่อนโยน ในจังหวะปานกลาง แบบที่ 3 เร็ว จะใช้ในบทเพลงที่มีชีวิตชีวา และการเคลื่อนไหวของบทเพลงที่พริ้วไหว แบบที่ 4 จะใช้ใน Cadenza ซึ่งเวลา Trill จะให้ piano ก่อนและค่อย Cressendo มา Forte เพื่อความสวยงาม ซึ่งบทเพลงใน Recital นี้ ใช้แบบที่ 2 3 และ 4
ใบบริบทในการเล่น Trill ในสถานที่ต่างๆ ก็สำคัญ ถ้าเล่นในพื้นที่เล็กๆ สามาถ Trill เร็วได้เพื่อผู้ฟังได้ยิน ส่วนถ้าเล่นในฮอลล์ หรือห้องโถงขนาดใหญ่ สามารถใช้ Trill แบบช้า ได้ เพื่อความชัดเจนและไม่ให้เกิดอาการบาเจ็บจากการ Trill



Hoffmeister Viola Concerto


ตัวอย่างการ Trill แบบที่ 3 ของท่อนที่ 1
ตัวอย่างการ Trill แบบที่ 2 ของท่อนที่ 2

ตัวอย่างการ Trill แบบที่ 4 ของ Cadenza


Hoffmeister Viola Concerto
3. Turn
คือการเล่นกลุ่มโน้ต 4-5 ตัว ขึ้นลงรอบโน้ตตัวหลัก โดยเริ่มโน้ตตัวสูงกว่าตัวหลัก ตามด้วยโน้ตตัวหลัก ต่อด้วยโน้ตที่ต่ำกว่าตัวหลัก และจบลงที่โน้ตตัวหลัก เนื่องจากการ Turnเริ่มต้นจากโน้ตตัวที่สูงกว่า จึงมีแนวโน้มการเกิดเสียงกระด้าง (Dissonance) บางครั้งผู้เล่นจึงมักจะเล่นโน้ต 3แรกให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้มีเวลาเก็บโน้ตตัวสุดท้ายตัวหลักได้นานขึ้น
ตัวอย่างจากท่อนที่ 1 ของ Hoffmeister Viola Concerto