
The Exporing of Viola
How to play in Baroque and Classic style

กายภาพของเครื่องดนตรี (Viola)

(ซ้าย) บาโรกวิโอล่า (ขวา) โมเดิร์นวิโอล่า
สิ่งที่เหมือนกัน กับตัวเครื่องตระกูลไวโอลิน คือ มี 4 สาย และรู F-Hole ที่มี 2 รูเหมือนกัน นี่คือสิ่งที่เหมือนกันในขั้นพื้นฐาน ถ้าเรามาเปรียบเทียบ กายภาพไวโอลิน ทั้งสองแบบดูคล้ายกัน ทั้งความโค้งของตัว Body แต่เครื่องที่เป็น Moderm Instrument จะมี ที่รองคาง
(Chin rest) ที่รองไหล่ (Shoulder rest) ใส่เพื่อเพิ่มความสูงสำหรับคนคอสูง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คอของ Moderm Viola ได้ถูกปรับมุมเอียง และคอไวโอลินจะเล็ก ซึ่งต่างกับ Baroque Viola จะเป็นมุมตรง และคอ ที่ใหญ่กว่า

(บน) ลักษณะคอของบาโรกวิโอล่า (ล่าง) ลักษณะคอโมเดิร์นวิโอล่า
สาเหตุที่ Moderm Viola ได้ถูกปรับให้เป็นมุมเอียง คอเล็ก เพราะ บทประพันธ์สมัยใหม่ ต้องการ ใช้เสียงสูงมากขึ้นและเพื่อรองรับเทคนิคมือซ้าย ของวิโอล่าได้มากขึ้น จึงต้องมีการปรับคอของวิโอล่า เพื่อรองรับการเล่น Position ที่สูงขึ้น ง่ายต่อการขึ้น Positions และรองรับเทคนิคการเล่นของมือซ้ายได้มากขึ้น ซึ่งต่างกับ Baroque Viola ที่คอหนา การขึ้น Position ที่สูงขึ้นยากเพราะเราต้องประคองวิโอล่า จึงทำให้การขึ้น Position ยากและบทเพลงในสมัยนั้นไม่ได้ใช้เทคนิคมือซ้ายมากนัก


(ซ้าย) ลักษณะ Fingerboard ของโมเดิร์นวิโอล่า (ขวา) ลักษณะ Fingerboard บาโรกวิโอล่า
ในส่วนของ Figerbroad ของทั้งสอง Baroque Violin จะสั้นกว่า Moderm Violin สายของทั้ง 2 แบบวัสดุที่ต่างกัน ของ Baroque Violin จะใช้สาย Gut String ส่วน Moderm Violin จะใช้สายสังเคราะห์ เพื่อให้เสียงพุ่งและหนา ทนทานมากกว่า สาย Gut ที่ให้เสียงแผ่วเบาและขาดง่าย และราคาสูง


(ซ้าย) Gut String (ขวา) Synthetic String
จากการที่ได้ลองเล่นวิโอล่าบาโรกสักพัก รู้สึกว่า ช่วงแรกๆ อาจจะยาก เนื่องจาก เราไม่ถนัดวางวิโอล่าแบบโรก เพราะ ไม่มีที่รองคาง และคอวิโอล่าค่อนข้างใหญ่ ซึ่งต่างจากวิโอล่าโมเดิร์ม ที่คอเล็ก สาย Gut String ค่อนข้างจะแข็งแรงน้อยกว่าสายสังเคราะห์
จึงต้องระวังการใช้งานของสาย Gut เป็นอย่างมาก และเสียง Gut String จะค่อนข้างแผ่ว เสียงไม่หนาเท่ากับสายสังเคราะห์
ความแตกต่างระหว่างบาโรกไวโอลินกับโมเดิร์นไวโอลิน (นาทีที่ 0:16 - 6:52)
Baroque Viola และตัวอย่างเสียงของ Baroque Viola
ตัวอย่างเสียงของ Modern Viola